๒.๐๙.๒๕๕๑

เยติ มนุษย์หิมะ




มนุษย์หิมะ - เยติ (The Abominable Snowman) อโบมิเนเบิ้ล สโนว์แมน หรือ ที่ชาวเซอร์ปาร์เรียกว่า เยติ มีประวัติอันยาวนานมากที่สุดในบรรดาเรื่องราวของมนุษย์วานรทั้งหมดของชาวภูเขา มันเข้าไปพัวพันอยู่ในความเพ้อฝัน ศาสนา ตำนาน เล่ห์ลวง และ การค้า คนที่เคยเห็นมันเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้ มูลของมันถูกนำมาวิเคราะห์ รอยเท้าถูกบันทึกภาพไว้ และทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง มันถูกจัดให้เป็นตำนานโดยบันทึกภาพไว้ และทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง มันถูกจัดให้เป็นตำนานโดยนักบุกเบิกในปลายยุค 1950 และ 1960 แต่ตอนนี้หลักฐานการดำรงอยู่ของมันดูเหมือนจะหนักแน่นขึ้นทุกวัน
นักเดินทางคนหนึ่งที่จะไปยังกาฎมันฑุ ต้องเข้าไปพัวพันอยู่ในธุรกิจของเยติก่อนที่เขาจะไปถึงเนปาลเสียอีก สายการบินแห่งชาติเนปาลบินเฉียดไปบนเขตภูเขาที่ต่ำที่สุด ผ่านหมู่บ้านที่ตั้งกันอยู่อย่างเปะปะบนยอดเขา จากนั้นในทันทีทันใดแนวของยอดสูงสุดของเทือดเขาหิมาลัยก็ปรากฎแก่สายตาเป็นสีขาวหยัก ส่วนที่เหลือถูกกันออกไปโดยเมฆ อันเป็นแซงกรีลา หรือ แดนสุขาวดี หมู่บ้านลึกลับ ชนเผ่าที่ไม่มีใครรู้จัก เยติ ทั้งหมดดูจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ในช่องที่ติดอยู่กับที่นั่งในเครื่องบิน มีเมนูสำหรับสายการบินเยติแอร์ไลน์ และโรงแรมใหม่ที่คุณจะได้เข้าพักสร้างโดยเวิร์ลด์แบงค์ มีชื่อว่า แยกแอนด์เยติ (YAK AND YETI , YAK หมายถึง จามรี) เยติเป็นตำนานที่มีค่าทางพาณิชย์มาก บางทียังอาจเป็นรายได้หลักของประเทศเนปาลที่ได้จากชาวต่างชาติ
เรื่องราวของเยติซึ่งเป็นอสูรกายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเทือกเขาหิมาลัย เป็นตำนานในหมู่ของชาวเนปาล โดยเฉพาะชาวเชอร์ปาผู้ที่อาศัยอยู่บนภูเขาสูง ณ วัดแห่งหนึ่งในร่มเงาของเทือกเขา เอเวอร์เรส ท่านเจ้าอาวาสบอกว่า มักจะมีฝูงเยติมาเยือนทางวันอยู่เสมอในแต่ละปี คำบรรยายที่มีสีสันของการโจมตีโดยเยติถูกรายงานไปยังกาฎมันฑุ เด็กหญิงชาวเชอร์ปาผู้หนึ่งชื่อว่า ลาคห์หาโดมานิ ได้บอกเล่าเหตุการณ์หนึ่งให้กับ วิเลียม เวบเบอร์ ซึ่งเป็นอาสาสมัครของพชคอร์พส์ ที่ทำงานในหมู่บ้านมาชเชอร์มา ในแถบเอเวอร์เรส เด็กหญิงกล่าวว่า เธอนั่งอยู่ที่ริมลำธารเพื่อดูฝูงจามรีของเธอ ตอนที่เธอได้ยินเสียงหนึ่ง และได้หันไปเผชิญหน้ากับ สิ่งมีชีวิตที่คล้ายลิงตัวใหญ่ มันมีดวงตาที่ใหญ่โตและกระดูกโหนกแก้มนูนขึ้นมา ตัวของมันปกคลุมด้วยขนสีดำและน้ำตาลแดง มันตรงเข้าคว้าตัวเธอ และแยกเธอไปยังลำธาร แต่ดูเหมือนเสียงกรีดร้องของเธอจะทำให้สัตว์ตัวนั้นตกใจจนปล่อยเธอลง จากนั้นมันก็เข้าโจมตีจามรีสองตัวของเธอ มันฆ่าตัวหนึ่งโดยการทุบ และอีกตัวโดยการจับเขามันและบิดคอ เหตุการณ์นี้ได้ถูกรายงานไปยังตำรวจของท้องถิ่น และตรวจพบรอยเท้าของมัน เวบเบอร์กล่าวว่า "เธอจะหลอกเราไปเพื่อเหตุใดกันล่ะ ข้อสรุปของผมคือว่าเด็กคนนั้นพูดจริง"
หลักฐานของเยติแบ่งออกเป็นสามประเภทใหญ่ๆ คือ รอยเท้า , ผู้ที่พบเห็นตัวมัน และหลักฐานทางกายภาพ เช่น กะโหลก และหนังของมัน








รอยเท้า เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความสนใจอย่างมาก มีการรายงานถึงรอยเท้าของมันโดยชาวตะวันตกตั้งแต่ปี 1887 และจากนั้นโดยเจ้าหน้าที่ของกองทัพอังกฤษผู้หนึ่ง บนเทือกเขาเอเวอร์เรสท์ที่ระดับความสูง 6,400 เมตร ในปี 1921 มันเป็นรูปถ่ายรอยเท้าที่น่าสนใจ เอฟ เอส สมิธธี เป็นคนแรกที่ถ่ายภาพไว้ที่ความสูง 5,029 เมตร ในปี 1937 ภาพถ่ายของ อีริค ชิพตั้น ที่ถ่ายโดยมีขวานขุดหิมะวางไว้ข้างๆ เพื่อเทียบสัดส่วน เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาอย่างจริงจัง ในปี 1978 แม็คนีลลี่ และดครนิน นักสำรวจชาวอเมริกันพบรอยที่ชัดเจนและลึกพอที่จะหล่อปูนปลาสเตอร์ได้ ในปีถัดมา ลอร์ดฮันท์ ได้พบรอยเท้าและรูปที่ได้เขาถ่ายมาในปี 1978 ได้แสดงให้เห็นถึงรอยเท้าที่มีขนาดใหญ่โต ยาว 35.6 เซนติเมตร และกว้า 17.7 เซนติเมตร


"เป็นรอยที่ชัดเจนและมีความแตกต่างอย่างมาก เราสามารถเห็นนิ้วโป้งของทุกรอยได้ รอยนั้นตรงไปตามธารน้ำแข็งไกลหลายไมล์จนมองไม่เห็น ความรู้สึกของผมบอกว่ารอยพวกนี้ อาจเกิดขึ้นในตอนกลางคืนหรือรุ่งเช้าของวันนั้นเอง เพราะไม่มีรอยเลอะเลือนที่ขอบของมันเลย ในบางแห่งคุณจะเห็นได้เลยว่ามีรอยที่สัตว์ตัวนี้กระโดดข้ามช่องน้ำแข็งเล็กๆ โดยจะเห็นรอยนิ้วเท้าอย่างชัดเจน คุณจะเห็นได้ในรูปเหล่านี้ รอยเท้าจมลึกเกินกว่าที่คนอย่างเราจะทำได้ เราอาจจะตามรอยถ่ายภาพมันไปให้ไกลกว่านี้สักหน่อยถ้าเสบียงอาหารของเราไม่ร่อยหรอลง และพวกเราก็ยังมีเป้าหมายหลักที่จะเดินทางไปยังประเทศที่ไม่เคยมีใครเคยพบเห็นมาก่อนเลย ไม่เพียงแต่ชาวเชอร์ปาและชาวธิเบตที่ยังไม่เคยไป แต่รวมถึงชาวยุโรปด้วย"


ในมุมมองของคนช่างสงสัยก็ว่า รอยเท้านั่นเป็นของ สัตว์พันธุ์ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภาวะแวดล้อมของดวงอาทิตย์ และหิมะ อาจจะเป็นหมีสีฟ้า (BLUE BEAR) - ของธิเบต ซึ่งโดยตัวของมันเองก็เป็นสัตว์ที่หายากแทบจะกลายเป็นตำนานไปแล้ว หรืออาจเป็นลิงแลงกูร์ (LANGUR MONKEY) ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ว่าอาศัยอยู่ที่ระดับความสูงดังที่กล่าวมา แม้แต่เสือดาวหิมะก็ยังถูกนำเข้ามาร่วมด้วย และจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนส่งไปยังนิตยสารของอังกฤษ COUNTRY LIFE ได้เสนอความเห็นว่ามันอาจเป็นนกอีกาปากแดง (ALPINE GHOUGH) ซึ่งจากที่เคยมีการเฝ้าดูมันได้ทิ้งรอยเท้าที่เหมือนกับมนุษย์หิมะเมื่อมันกระโดดขาเดียวไปบนหิมะ

๒ ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

พีพัพพ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่ะ สำหรับบทความดีๆที่นำมาแบ่งปันให้กัน