๓.๒๐.๒๕๕๑


เอเอฟพี - ฮ่องกง . มาเก๊า และกว่างตง(กวางตุ้ง)ซึ่งล้วนเป็นเขตเศรษฐกิจอันรุ่งเรืองของจีน ได้ตกลงทำสัญญาร่วมสร้างสะพานเชื่อมเส้นทางเศรษฐกิจสู่แผ่นดินใหญ่
เดอะ เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานว่า โปรเจคยักษ์ใหญ่ดังกล่าว ต้องใช้งบประมาณจะใช้เวลาทั้งสิ้น 5 ปีด้วยกัน ซึ่งรัฐบาลฮ่องกงจะรับผิดชอบในส่วนของการลงทุน 50.2 % กว่างตง 35.1 % และมาเก๊า 14.7 %
“สะพานดังกล่าวจะมีอายุการใช้งานประมาณ 50 ปี และภายใน 36 ปีสะพานแห่งนี้จะเอื้อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้กับทุกฝ่าย” หวง หัวหัว ผู้ว่าการมณฑลกว่างตงกล่าว อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้ออกมาชี้แจงผลกระทบต่อโครงการก่อสร้างดังกล่าวว่า จะก่อให้เกิดอันตรายต่อโลมาที่อาศัยอยู่ในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียง(แม่น้ำไข่มุก)
ทั้งนี้ สะพานจะมีความยาวทั้งหมด 29.6 กิโลเมตร โดยจะเชื่อมระหว่างเขตเศรษฐกิจจูไห่ , เกาะมาเก๊า และโยงมายังฮ่องกง ซึ่งเส้นทางของสะพานจะมีลักษณะคล้ายกับรูปตัววาย (Y)
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ 10 มีนาคม 2551
***********************************************************


หมายเลข 13 เป็นหมายเลขที่หลายคนซึ่งเชื่อในไสยศาสตร์ มองว่า เป็นหมายเลขไม่ดี และบิล เกตส์ เจ้าพ่อไมโครซอฟท์ก็เสียตำแหน่งคนรวยที่สุดของโลก หลังครองตำแหน่งมา 13 ปีโดยผลจัดอันดับล่าสุดของนิตยสารฟอร์บส์ในปีนี้ระบุว่า
คนรวยที่สุดของโลกคือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนชาวอเมริกัน ผู้เป็นเพื่อนที่ดีและเป็นนักธุรกิจผู้ใจบุญเช่นเดียวกับเกตส์ บัฟเฟตส์มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 10,000 ล้านดอลลาร์ เป็น 62,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ (เพิ่มขึ้น 320,000 ล้านบาท เป็นประมาณ 2 ล้านล้านบาท)
อันดับสองคือ เจ้าพ่อเทเลคอมชาวเม็กซิกัน คาร์ลอส สลิม เฮลู ผู้มีสินทรัพย์เพิ่มเป็นเท่าตัวภายในเวลาเพียง 2 ปี เป็น 60,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท)
ส่วนเกตส์ตกลงมาอยู่อันดับสาม ด้วยสินทรัพย์รวม 58,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 2,000 ล้านดอลลาร์ ( 64,000 ล้านบาท) จากปีที่แล้ว
การจัดอันดับคนรวยสุดของโลกในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 22 นับเป็นการเปิดศักราชใหม่ เพราะนอกจากเกตส์จะไม่ได้ครองอันดับ 1 แล้ว ยังเป็นปีแรกที่จำนวนอภิมหาเศรษฐีซึ่งหมายถึงผู้มีเงินเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์( 32,000 ล้านบาท) ขึ้นไป ทะลุเลข 4 หลัก เพราะมีจำนวนรวม 1,125 คนแล้ว เป็นชาวอเมริกันมากสุดคือร้อยละ 42 อันดับ 2 คือรัสเซีย ซึ่งเพียง 16 ปีหลังการล่มสลายของอดีตสหภาพโซเวียต มีอภิมหาเศรษฐี 87 คน โค่นอันดับสองเดิมคือเยอรมนีผู้ครองตำแหน่งมานาน 6 ปี และล่าสุดมีอภิมหาเศรษฐี 59 คน
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ 6 มีนาคม 2551
**********************************************************

๓.๑๓.๒๕๕๑

ความรักคุณขาดวิตามินหรือเปล่า

ความรักก็เหมือนชีวิตคนเราแนะครับ ที่ต้องการสิ่งที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและ เสริมสร้างความสมบูรณ์ให้มีความสุขสดชื่น กระปี้กระเปร่า และเจ้าวิตามิน (Vitamin สำเนียงอเมริกันจะเรียกว่า ไวตามิน) นี่แหละครับที่ช่วยเติมช่องว่างที่ขาดหายนั้น เราลองมาดูกันนะครับว่าวิตามินที่ว่ามีอะไรบ้าง .. วิตามิน เอ - เน้นสายตาดวงตาเป็นกระจกส่องความรักในหัวใจที่เต็มเปี่ยม วิตามิน บี1 - ช่วยให้ความรักกระฉับกระเฉง ปราดเปรียว ตื่นเต้นเร้าใจ .. วิตามิน บี2 - ช่วยดูดพลังสนับสนุนจากสิ่งแวดล้อม ทำให้รักมีกำลังวังชา เติบโตและแข็งแรงครับ วิตามิน บี6 - ทำให้ปฏิกิริยาและกระบวนความรักทำงานอย่างถูกต้อง ทำความรักให้สมบูรณ์แบบ วิตามิน บี12 - เติมรักให้ตื่นตัว ว่องไว และมีชีวิตชีวาครับ วิตามิน ซี - ทำให้ความรักมีสุขภาพที่ดี ช่วยเสาะหาสิ่งเพิ่มพลังความใกล้ชิด และเยียวยาแผลรัก นอกจากนั้นมันยังสร้างระบบภูมิคุ้มกัน วิตามิน ดี - แคร์ในรัก ยังห่วงใยกังวล คิดถึง .. แค่คิดก็รู้สึกวาบหวิวแล้วละครับ วิตามิน อี - เป็นเกราะป้องกันความรักไม่ให้เสียหาย ก็ใช้ความห่วงใย ดูแลเอาใจใส่ในรักนะครับ วิตามิน เค - ทำให้ความรักมีพันธะทางเคมีและกายภาพที่แข็งแกร่ง เพิ่มความชิดใกล้ ให้ใจสองดวงติดกันอย่างแน่นแฟ้น วิตามินรวม - ก็เป็นการเติมส่วนผสมต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อความรัก ที่พอเหมาะ ได้รสชาติดี ๆ ครับ ลองดูนะครับว่าชีวิตรักคุณ ขาดหายวิตามินชนิดไหนมากที่สุด ก็หาวิตามินชนิดนั้นมาแก้ไขนะครับ .. ทำให้ชีวิตรักมีสุขสมปรารถนา และมีสุขภาพที่ดีจ้า...

สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "ความรัก"

แปลกใจไหมค่ะ ที่ทำไม ความรักถึงได้เป็น "สิ่งมีชีวิต" เพราะสำหรับฉันแล้ว ความรักเป็นสิ่งที่เคลื่อนไหวได้ เจริญเติบโตได้--- แต่อาจจะต่างไปจากร่างกายของเรา ที่ยิ่งแก่ ก็ยิ่งเสื่อม แต่ความรัก ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งกลายเป็นความผูกพัน พันผูกจนเรารู้สึกว่า มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราค่ะความรัก นี่ถ้าจะพูดไปแล้วถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์อย่างนึงก็ว่าได้นะ เพราะบางครั้งเราก็แทบจะสังเกตไม่ได้เลยว่า มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง และเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่ --- แต่ดูเหมือนเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว ดูมัน"ยิ่งใหญ่ อลังการ" อย่างมาก --- สำหรับคนที่มีความรัก โดยเฉพาะในวัยหนุ่มสาวเริ่มรัก --- ความรู้สึกที่มีความสุข ที่เค้าชอบเปรียบกันว่า "น้ำผึ้ง" นี่อะนะ มันฉาบอยู่ในความรู้สึก เพราะถึงคุณจะพูดว่า "ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์" -- ไม่เห็นอยากมีความรักเลย ต้องมานั่งแคร์ นั่งเฝ้ารอ ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง ไม่อิสระ ต้องมานั่งทะเลาะกัน ---โอ๊ย ข้อเสียเป็นร้อยข้อ (นิตยสารที่แปลมาจากฝรั่งบางเล่ม แอบเขียนข้อเสียของความรักเป็นร้อยข้อ)
แต่คุณรู้มั้ย คำคำเดียวสั้น ๆ ที่ทำให้คุณแคร์ คุณนั่งเฝ้ารอ คุณเป็นห่วงเป็นใย คุณไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะคุณก็รู้อยู่ว่า เบื้องหลังของอาการทุกอย่างคือ "ความสุขใจ" -- เป็นความสุข แบบโลกส่วนตัว --ที่ใครมาขโมยความสุขอันนี้ของคุณไปไม่ได้คุณรู้มั้ย "ความสุขใจ" ที่ได้รัก นี่เป็นความละเอียดอ่อนของจิตใจจริง ๆ ก็เพราะมันเป็นความละเอียดอ่อนนี่แหละ มันถึงต้องใช้ความอ่อนไหวของใจคุณสัมผัส ----ถ้าใครคนนึงแค่ "ต้องการมีแฟน" ไว้เพื่อ "แก้เหงา" "ฆ่าเวลา" "ตามกระแส" หรือ "ไว้อวดเพื่อน" คุณยังไปไม่ถึงสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "ความรัก" หรอกค่ะ --- เพราะสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "ความรัก" จะเกิดก็เพราะ "รัก" พูดง่าย ๆ "รัก เพราะ รัก" ไม่ใช่ "รักเพื่อหวังผลอื่นหรอกค่ะ"
โลกส่วนตัวที่ระบายท้องฟ้าด้วยสีชมพู กำลังจะเริ่มต้นแล้วค่ะเมื่อมีอะไรสักอย่างหนึ่ง (ก็คงเป็นความสวย ความน่ารัก ความมีเสน่ห์ของคุณ-- ซึ่งอันนี้เป็นความสามารถเฉพาะตัวของแต่ละคนที่ลอกเลียนกันไม่ได้นะคะ ขอเตือน)ไปเข้าตาของหนุ่มน้อยคนนึง (ถึงหนุ่มน้อย แต่ตัวอาจใหญ่ได้) คุณเอ๊ย ถ้าเค้าไม่ใช่คนขี้กลัว (ภาษาวัยรุ่นเค้าเรียกว่า "ขี้ป๊อด") อีกไม่นานเกินรอ เค้าจะต้องหาทางเข้ามาหาคุณ ยิ่งเป็นวัยรุ่นด้วยแล้ว (และถ้าคุณมีเสน่ห์ ชนิดหนุ่มน้อยคนนั้นคลั่ง) อาจจะเร็วชนิดคุณต้องร้องเพลง "ขอเวลาตั้งตัว" เลยทีเดียวความรักของหนุ่มน้อยคนนั้นเกิดขึ้นแล้วค่ะ เค้าเริ่มระบายโลกส่วนตัวของเค้าด้วยสีชมพู ในโลกของเค้ามีเค้า (ซึ่งตัวเค้าเองมักจะคิดว่า เค้าหล่อ--- อันนี้คือ เค้าต้องเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน---แหม ก็อันนี้โลกส่วนตัวของผมนี่ครับ คนอื่นไม่เกี่ยว) แล้วก็มีคุณ (ที่เค้ามองเป็น "นางฟ้า"ของเค้า) คุณต้องจำไว้ว่าเค้าต้องมองเห็น "เสน่ห์" อะไรสักอย่างหรือหลายอย่างในตัวคุณ เป็นต้นว่า- - - คุณสวย สวยจนเค้าไม่อยากละสายตา (เน่าไหมเนี่ย --แต่ถึงเน่า แต่แหม! มันก็มีความจริงแฝงนะจ๊ะ)- - - คุณน่ารัก ยิ้มเก่ง มองโลกแง่ดี- - - คุณดูน่ารัก ถึงจะหยิ่ง แต่ก็ท้าทาย- - - คุณดูเด๋อด๋า แต่ธรรมชาติเป็นที่สุด- - - คุณขี้อาย แต่เวลาขี้อายหรือเขิน นี่อะนะ อย่าให้พูด ภาษาวัยรุ่นเรียกกันว่า "น่ารักโคตร"- - - คุณดูเรียบมาก แต่เวลาพูดทุกครั้ง คุณดูอบอุ่น ดูน่าใกล้ชิด น่าหลงใหล- - - คุณดูเท่ มีมาดผู้นำ อย่างนี้ท้าทาย (หนุ่มน้อยคนนั้นคงคิด "ให้มันรู้ว่าต่อไป ใครจะนำใคร---ใครกันแน่ ที่แน่กว่า)- - - คุณดูน่าทะนุถนอม แววตาคุณดูสดใส เสียจริงขอยกตัวอย่างแค่นี้ก่อนนะ เพราะถ้าขืนมากกว่านี้ อาจจะตรงกับบางคน จนต้องร้องว่า "พับผ่าซิ ทำไมเอาเรื่องของฉันไปเขียนได้หมด หรือว่าแอบจ้างสายลับสอดแนมเรื่องของฉัน)
ถึงตอนนี้ คุณเป็นผู้กำ "ไพ่" ที่เหนือกว่าหนุ่มน้อยคนนั้นนะคะ เพราะเชื่อเหลือเกินว่าเค้าจะต้องพยายามเข้ามาหาคุณ ทีละนิดละนิด เพื่อประชิดตัวคุณ จนคุณยากที่จะหนีหนุ่มน้อยคนนี้ไปได้เค้าจะเริ่มสนใจเรื่องของคุณ เค้าจะแอบไปถามเรื่องของคุณจากคนใกล้ชิด เช่น เพื่อนของคุณ (แต่ถ้าเค้า "ไม่ฉลาด" แบบไม่น่าเชื่อ อาจจะไปถามจาก "พ่อของคุณ" แต่พระเจ้า--ถ้าทำอย่างงั้นนะ แทบไม่ต้องถามเลยว่า "อ่อนต่อโลก" ขนาดไหน -- เอ๊ะ หรือว่า เค้ามี "มุข"ใหม่ที่เราคาดไม่ถึง "เข้าทางพ่อ" ช่างเป็นวิธีการที่เหลือเชื่อเกินกว่า "วัยรุ่น" จะทำได้") อีกสักพักเถอะคุณเอ๋ย คราวนี้เค้าก็ต้องหาทางที่จะใกล้ชิดกับคุณ วิธีเริ่มต้นที่ฮิตที่สุดคือขอเบอร์--เพื่อคุยโทรศัพท์กันคุณรู้มั้ยความสุขจากได้การได้เบอร์มานี่ขนาดไหน พระเจ้า ! OH MY GOD แล้วยิ่งตอนคุยกันครั้งแรก สมองแทบหยุดทำงาน ---จริงหรือนี่ ผมได้คุยกะเธอแล้ว (คืนนี้ ผมจะนอนฝันหวานทั้งคืน)หลังจากที่สร้างความคุ้นเคยกันแล้ว หนุ่มน้อยคนนั้นก็เริ่มรู้ว่า "ความหวังบังเกิด" --ก็เพราะเจ้าหล่อนรับสายเค้า คุยกับเค้าเค้าเริ่มเรียนรู้แล้วว่า หนึ่งในความสุขในชีวิตของเค้าคือการได้มีใครคนนึงที่เค้ารักและห่วงใยตอนนี้เองที่ตัวคุณ อาจจะเริ่ม ๆ มีโลกสีชมพูแล้ว (อย่าบอกนะ --- "ชั้นชมพูมาตั้งแต่เค้ามาขอเบอร์แล้ว ---เพราะบังเอิ๊น ให้ตายซิ ชอบเค้ามานาน แต่ไม่กล้าบอก--เพราะดิฉันยึดหลักของ "ดา โอเกะ" --อยากเกิดเป็นผู้ชาย--จะบอกรักใครก็ได้---ที่เหลือหาฟังจากเพลงน้องดาได้ตามสบายนะจ๊ะ)ถ้าคุณกับเค้าคิดตรงกัน โลกทั้งใบให้นายสองคน คุณกับเค้ามีโลกชมพูใบเดียวกันแล้วหล่ะค่ะ คราวนี้คุณกับเค้าคงต้องสานสัมพันธ์กันต่อ แต่ดูเหมือนมีสิ่งนึงที่ผู้หญิงแทบทุกคนวิตกกันเหลือเกิน"แล้วที่เค้าดีกับเรานี่ เค้ารักหรือเปล่านะ เพราะเห็นเค้าดีกับเรามาตลอด แต่ทำไมนะ ทำไม ไม่เคยบอกรักเราเลย"คุณรู้มั้ย ไม่ใช่มีแต่คุณที่เจอปัญหานี้ ผู้หญิงหลาย ๆ คนก็เจอปัญหานี้ เพราะไปเจอผู้ชาย (ซึ่งจำนวนมหาศาลมาก) มักจะชอบ"บอกรัก" ด้วยการ "กระทำ" เช่น แคร์ ห่วงใย ไปหาคุณ โทรหาคุณ - - - - -แต่ไม่เคยบอกด้วยคำพูดว่า "รัก"นี่แหละปัญหาที่ทำให้ผู้หญิงหลายคน มีคำถาม "ทำไม คำเดียวพูดไม่ได้เหรอ"คำคำเดียว "ใช่" แต่คุณรู้มั้ย ถึงจะเป็นคำคำเดียว แต่สำหรับบางคน ถ้าพูดออกมาแบบไม่คิดอะนะ "ง่ายมาก" แค่ออกเสียงธรรมดา "รัก" ก็เรียบร้อยแล้วแต่ถ้าให้พูดจากส่วนลึกของใจ ที่หลายคน(โดยเฉพาะกับคนขี้อาย หรือคนที่รู้สึกว่าคำนี้มี"ค่า"มากเหลือเกิน) ซ่อนเอาไว้ -----มัน"เขิน" นะ มัน"แปลก ๆ"ไงก็ไม่รู้ที่จะให้พูด ทั้งที่จริง ๆ คิดและรู้ตลอดเวลา แต่ยังไง คุณผู้หญิง ฉันแนะนำว่ายังไง เราก็ต้องเคลียร์กับเค้าว่าคิดตรงกันอะเปล่านะ ไม่ใช่เราคิดว่า "แหม เค้ารักเราเหลือเกิน หลงเราสุดสุด" ----ปรากฏมาพบตอนหลังว่า "ปัดโธ่ เห็นเราเป็นแค่เพื่อน เกิร์ลเฟนด์ (เศร้าเลยหว่ะ ฝันสลายกลางใจวัยรุ่น)"
ถ้าแน่ใจว่าเค้ากับเราคิดตรงกัน คราวนี้ทั้งสองฝ่ายก็จะต้องช่วยกันสร้างโลกสีชมพูให้เจริญงอกงามต่อไป ---แต่ อย่านึกว่าง่ายนะ
ก็เรากับเค้านี่ จะบ้าตาย ทะเลาะกันแบบคนสามวันดีสี่วันไข้คุณเองก็ขี้งอนเหลือเกิน (อันนี้รวมพลคนขี้งอนทุกประเภท ทั้งขี้งอนแบบแสดงออกโจ่งแจ้ง กับขี้งอนแต่ฟอร์มว่า "เปล่านี่ ฉันไม่เห็นเป็นไรเลย"แต่ใจอย่างงี้สั่นทุกครั่งที่พูดว่า "เปล่า")ส่วนเค้าก็ช่างไม่เข้าใจอะไรเราเลย เป็นต้นว่า--- บ้าเกมส์อยู่ได้ (น่าจะ "บ้าเรา" มากกว่า)---ติดเพื่อนเหลือเกิน (เธอจะเป็นแฟนกะใครกันแน่ "ฉัน" หรือ"เพื่อนของเธอ"---ไม่เห็นหึงบ้างเลย อุตส่าห์ยั่วให้หึงแล้วนะ (ตายด้านจริงจริง)---ชอบชมผู้หญิงอื่น (แล้วฉันหล่ะ --ไม่แพ้คนอื่นนะ--หึ่ม)---นัดไม่เป็นนัด (ฉันอุตส่าห์บอกเพื่อนว่าไม่ว่าง เพื่อรอเธอ แต่เธอกลับบอกว่ามาไม่ได้)---ทำไมเมื่อคืน ไม่โทรมา ไปไหน ไม่โทรมารายงานตัวตั้ง 1 คืน (เป็นคนอื่นฉันหลับไปแล้ว นี่เป็นเธอ ฉันอุตส่าห์นั่งรอโทรศัพท์ แต่เธอนะเธอ)---หัดพกรูปฉันติดกระเป๋าตังค์บ้าง (นี่อา--ร้าย มีแต่รูปตัวเองกับเพื่อน ๆ แล้วก็บทสวดมนต์)---ทำไมไม่ส่ง sms หวาน ๆ มาบ้าง (ที่ฉันบอกว่า "เน่า" ฉันแกล้งพูดเพราะ"เขิน" แต่ความจริงฉันรู้ใจตัวเองว่า "ชอบเน่า ๆ" ---แต่ อ๊ะ อ๊ะ ต้องเฉพาะจาก"เธอ" only you ---จะมาตามฉันทำม่าย ขอเวลาอยู่กะเพื่อนบ้างซิ (แต่เวลาฉันอยู่กะเพื่อน ---จำไว้ "ต้องคิดถึงฉันมากมาก" แต่อย่าตาม ฉันอยากสนุกแบบมีคนคิดถึง)แค่เรื่องที่เขียนมานี่ คุณกะเค้าก็ทะเลาะกันได้ไม่มีวันจบวันสิ้นแล้วคุณอาจทะเลาะกันถึงกับใช้คำรุนแรง แล้วก็มีน้ำตาเค้าก็เช่นกันแต่คุณเห็นมั้ยว่าเค้ายังง้อคุณอยู่ ยังเห็นคุณเป็นคนสำคัญ ไม่ใส่ใจกับอารมณ์โกรธ อารมณ์งอนที่รุนแรงของคุณ รู้มั้ยค่ะว่า "ทำไม"คำเดียวเลยค่ะ-------- คุณทายถูก-------- "รัก" ค่ะ เค้ารู้ดีว่าถึงยังไงก็ตาม ถึงคุณจะเป็นยังไง เค้าก็รัก แล้วก็มีความสุขที่จะได้"รัก"กับคุณสิ่งนึงที่ฉันหวังว่าคุณจะได้เรียนรู้ ก่อนที่คุณอาจเสียคนที่เค้า "รัก" คุณจาก"ใจ" ไป เหมือนที่หลายคนสูญเสียคนที่รักไป โดยไม่รู้ตัว กว่าจะมาคิดได้ เราก็สูญเสียเค้าไปแล้วทำไมฉันถึงพูดอย่างงี้ค่ะ ฉันเคยมองเห็นคนรอบข้าง ที่เค้ามี"หน้าที่" ที่ต้องปฏิบัติต่อกัน เช่น "ไปตามง้อตามหน้าที่ของแฟน""ไปรับไปส่งตามหน้าที่ที่แฟนต้องทำ"--- ฉันว่าสิ่งเหล่านั้นมันเป็น "หน้าที่" ไม่ใช่สิ่งที่ทำออกมาจาก"ใจ" --- สิ่งที่เราทำเพราะ"หน้าที่" กับ ทำเพราะ "ใจ" มันแตกต่างกันนะคุณคุณคงไม่อยากได้ใครคนนี้มาปฏิบัติหน้าที่อย่าง"ไร้หัวใจ"ให้คุณใช่มั้ยค่ะก่อนที่คุณจะเสียใครคนนึงไป คุณลองให้ "การทะเลาะ" และ "ความไม่เข้าใจกัน" เปลี่ยนมาเป็น "การปรับตัวเข้าหากัน" ซิคะคุณอาจจะมีโลกสีชมพูกับเค้าต่อไปอีกนานแสนนาน เพียงแค่คุณ "มั่นใจ" และ "เข้าใจ" คนที่คุณรักคุณลองเปิดอกคุยกัน ถึงเรื่องที่คุณมีปัญหา คุณคิดมาก ---คนที่เค้ารักคุณจริง ๆ เค้าต้องรับฟัง ห่วงใยคุณ และหาทางแก้ปัญหา อย่างน้อยก็โดยการอธิบายให้คุณฟังว่า "เค้ามีเหตุผลอะไรที่ทำอย่างงั้น"คุณลองชั่งใจดูว่า คุณรักเค้าพอจะปรับตัวหรือให้ความเข้าใจเค้าบ้างได้ไหม ถ้ามันไม่เหนือบ่ากว่าแรงของคุณวาเลนไทน์ปีนี้ นอกจากดอกกุหลาบหรือของขวัญที่คุณซื้อให้กันแล้ว --- ยังมีของขวัญชิ้นนึงที่คุณให้กับคนที่คุณรักได้ คือ การให้อภัยคนที่คุณรัก อภัยที่เค้าไม่อาจเป็นไปตามสิ่งที่คุณคาดหวังได้ทั้งหมด เพียงแค่ขอให้เค้าได้แสดงความแคร์ หรือ ความ"พยายาม" ที่จะเปลี่ยนแปลง "ตัวเขาเอง" เพื่อคุณแล้ว ---- คุณว่า "แค่นี้"เพียงพอจะแสดงความรักที่เค้ามีต่อคุณได้หรือยังค่ะและเมื่อคุณสองคนไปไกลกว่านี้ เค้าและคุณแก่ตัวกันไปทั้งคู่ (แก่แดด คิดอะไรเกินไป--- แต่ขอคิดหน่อยนะ สุขใจที่ได้คิด) คุณก็จะรู้สึกถึงสิ่งที่คุณได้ "ร่วมสร้างและประคับประคอง" กันมาด้วยตัวคุณสองคนเอง สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "ความรัก"--ไงหล่ะคะถึงตอนนั้นคุณจะรู้ว่า ความรักมีชีวิตจริง ๆ มันเกิด และเติบโต กลายเป็นผูกพันในจิตใจที่ละเอียดอ่อนของคุณ คุณมีใครสักคนที่คุณรู้สึกมีความสุขที่ได้ผูกพันกับคนคนนั้นด้วยความ "รัก" "ผูกพัน" "มั่นใจ" และ"เข้าใจ"
วาเลนไทน์นี้ ขอให้เป็นวาเลนไทน์ที่ดีที่สุดปีหนึ่งในชีวิตของคุณนะคะ